คำถามนี้เกี่ยวกับการพิมพ์เงิน (หรือที่เรียกว่าการเพิ่มปริมาณเงิน) และการไม่ใช้ทองคำเป็นทุนสำรองในระบบการเงิน ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้:
จริงหรือไม่?
- จริงที่ว่าเงินไม่ได้มีทองคำเป็นทุนสำรองอีกแล้ว
- ในอดีต หลายประเทศใช้ระบบ Gold Standard (มาตรฐานทองคำ) ซึ่งหมายความว่าเงินกระดาษที่หมุนเวียนมีทองคำหนุนหลังในคลังสำรอง และสามารถแลกเปลี่ยนกลับเป็นทองคำได้
- แต่ระบบนี้ถูกยกเลิกไปในปี 1971 เมื่อสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ยกเลิกการผูกมูลค่าเงินดอลลาร์กับทองคำอย่างเป็นทางการ ทำให้ทั่วโลกเลิกใช้ทองคำเป็นฐานสำรองของเงิน
- เมกาปั๊มเงินเรื่อยๆ จริงในบางแง่
- หลังการเลิกใช้ Gold Standard ธนาคารกลาง เช่น Federal Reserve (เฟด) ของสหรัฐฯ สามารถพิมพ์เงินเพิ่มได้ โดยไม่ต้องใช้ทองคำมาค้ำประกัน แต่มูลค่าเงินจะขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและรัฐบาล
- ตัวอย่างการ “ปั๊มเงิน” คือ Quantitative Easing (QE) หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ซึ่งเฟดใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ตอนวิกฤตการเงินปี 2008 และช่วงโควิด-19 โดยเฟดสร้างเงินเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อพันธบัตรหรือสินทรัพย์ในตลาดการเงิน
- ความเสี่ยงของการปั๊มเงินมากเกินไป
- การพิมพ์เงินมากเกินไปโดยไม่มีการผลิตจริงรองรับอาจนำไปสู่ เงินเฟ้อ หรือมูลค่าเงินลดลง (Purchasing Power ต่ำลง)
- หากเงินเฟ้อมากจนควบคุมไม่ได้ อาจกลายเป็น Hyperinflation เช่นในกรณีของเวเนซุเอลา หรือซิมบับเว
- เหตุผลที่ไม่ใช้ทองคำสำรองแทนเงิน
- ทองคำมีข้อจำกัด เช่น ปริมาณทองคำในโลกมีจำกัด และไม่สามารถรองรับความต้องการทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
- เศรษฐกิจสมัยใหม่มีความซับซ้อนมากขึ้น การใช้ “ความเชื่อมั่นในรัฐบาลและตลาด” เพื่อหนุนค่าเงินถือว่าเหมาะสมกว่าในเชิงปฏิบัติ
สรุป
- สหรัฐฯ และประเทศส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ทองคำเป็นทุนสำรองแทนเงินอีกต่อไป
- การ “ปั๊มเงิน” หรือพิมพ์เงินเพิ่มเรื่อยๆ เป็นเรื่องจริง แต่ถูกควบคุมโดยธนาคารกลาง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในสถานการณ์จำเป็น
- อย่างไรก็ตาม หากใช้นโยบายนี้ไม่ระมัดระวัง อาจเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่น เงินเฟ้อที่รุนแรง.
Leave a Reply